บริการจัดส่งทั้งในประเทศ
และต่างประเทศ
 
ศูนย์จำหน่าย ปลีก-ส่ง สังฆภัณฑ์

                          
             
 เดินทางไปที่ร้าน คลิก
" บัวฉัตรสังฆภัณฑ์ "
เดินทางไปที่ร้าน คลิก
"บัวฉัตร สี่กั๊กเสาชิงช้า"
 
 

 

  1. ผ้าไตรจีวร หรือ ไตรครอง
  2. เครื่องบวช
  3. เครื่องกฐิน
  4. บาตร
  5. ตาลปัตรและขาตั้งตาลปัตร
  6. ถุงย่าม
  7. สัปทน
  8. หมอนอิง อาสนะ
  9. พานแว่นฟ้า ดอกไม้คลุมไตร
  10. ต้นเทียน กรวย
  11. เครื่องสแตนเลส
  12. บริขารธุดงค์
  13. พระพุทธรูป
  14. รูปเหมือน
  15. โต๊ะหมู่บูชา
  16. โต๊ะแต่งงานและชุดรดน้ำ
  17. หิ้งพระ
  18. ตู้พระไตรปิฎก ตู้พระธรรม
  19. ตู้พัดยศ
  20. ธรรมาสน์
  21. ระฆัง กลองเพล ฆ้อง
  22. ที่บรรจุพระธาตุแบบต่างๆ
  23. เครื่องตั้งศาล
  24. เครื่องสักการะ
  25. เทียนพรรษา
  26. เครื่องสังฆทาน เครื่องไทยธรรมต่างๆ
  27. งานดินประดิษฐ์
  28. งานประดับลวดลายไทย ปิดทองแท้
    ติดเพชร
  29. งานแก้วเป่า
  30. เครื่องทองเหลือง
  31. เครื่องเบญจรงค์ เครื่องมุกลาย
  32. เครื่องมุก
  33. เครื่องคริสตัล
  34. ตู้ครอบพระแบบต่างๆ
  35. ตู้บริจาค ตู้เซียมซี
  36. บุษบก
  37. โคมเวียนเทียน
  38. กระถางธูปไฟฟ้า - เชิงเทียนไฟฟ้า
  39. บายศรีแบบต่างๆ
  40. อื่นๆ
    

สังฆภัณฑ์

 
การตั้งศาลพระภูมิ ศาลพระพรหม ศาลเจ้าที่
 
การตั้งศาลพระภูมิ
สิ่งที่ต้องคำนึงในการตั้งศาลพระภูมิ คือ สถานที่ตั้ง, ทิศทาง, วันและฤกษ์ตั้ง,ความสูงของศาลพระภูมิและผู้ประกอบพิธีกรรมการตั้งศาลพระภูมิ

สถานที่ที่ตั้งศาล มีหลักการพิจารณาดังนี้
1. ที่ตั้งศาลต้องเป็นบริเวณพื้นดิน มิใช่บริเวณเดียวกับพื้นของตัวบ้าน
2. หากไม่มีพื้นที่ที่เป็นพื้นดิน สามารถทำการตั้งศาลบนชั้นดาดฟ้าได้ แต่ส่วนใหญ่ศาลที่ตั้งบนดาดฟ้าจะเป็นศาลเทพต่างๆ เช่นพระพรหม หรือ พระนารายณ์ มิใช่พระภูมิเจ้าที่
3. จุดที่ตั้งของศาลต้องไม่ถูกเงาของตัวบ้านทอดลงมาทับ
4. ที่ตั้งของศาลควรอยู่ห่างจากบริเวณที่ตั้งของห้องน้ำ
5. อย่าตั้งศาลให้อยู่ใกล้กับตัวบ้านมากนัก
6. อย่าหันหน้าศาลเข้าสู่บริเวณที่ตั้งของห้องน้ำ
7. ไม่ควรตั้งศาลให้หันหน้าตรงกับประตูหน้าบ้าน
8. ตั้งศาลให้ห่างจากรั้วหรือกำแพงบ้านอย่างน้อย 1 เมตร
9. ถ้าสามารถยกพื้นที่ตั้งศาลให้สูงขึ้นสัก 1 คืบ จากพื้นดินได้ ก็เหมาะสมอย่างยิ่ง
10. ความสูงของศาล ควรสูงเหนือระดับสายตาของผู้เป็นเจ้าของบ้านขึ้นไปเล็กน้อย

ทิศทาง การหันหน้าศาลพระภูมิสู่ทิศมงคล
1. ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ ทิศอีสาน เป็นทิศที่ดีที่สุดหากตั้งศาลหันไปทิศนี้บ้านนั้นจะมีความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป
2. ทิศตะวันออก หรือ ทิศบูรพา เป็นทิศที่ดีอันดับ 2 หากตั้งศาลหันไปทิศนี้บ้านนั้นจะมีความเจริญรุ่งเรืองอยู่ประมาณ 100 ปี หลังจากนั้น จะมีแต่เสื่อมลงๆจนถึงขั้นหาความสุขความเจริญไม่ได้
3. ทิศตะวันออกเฉียงใต้ หรือ ทิศอาคเนย์ เป็นทิศที่ดีอันดับ 3 หากตั้งศาลหันไปทิศนี้บ้านนั้นจะมีความเจริญรุ่งเรืองอยู่ประมาณ 50 ปี หลังจากนั้น จะมีแต่เสื่อมลงๆจนถึงขั้นหาความสุขความเจริญไม่ได้

ทิศต้องห้ามในการตั้งศาลพระภูมิ คือ ทิศตะวันตกและทิศใต้
เมื่อหาทิศทางตั้งศาลได้แล้วจะต้องพูนดินให้สูง 1 คืบ เกลี่ยดินด้วยมือและทุบให้แน่น ห้ามใช้เท้าเด็ดขาด และเตรียมน้ำมนต์ไว้พรมบริเวณพื้นดินเพื่อขับไล่ภูตผีปีศาจและสิ่งชั่วร้ายต่างๆ น้ำมนต์ที่ว่านี้เรียกว่า " น้ำมนต์ธรณีสาร " น้ำมนต์ธรณีสารนี้ ทำได้โดยนำน้ำธรรมดาไปให้พระท่านสวดพระพุทธมนต์ทำเหมือนน้ำมนต์ทั่วไปแต่ต่างกันตรงที่ให้ท่านนำใบไม้ต้นธรณีสารมาใส่ลงในน้ำที่จะทำน้ำมนต์

วันและฤกษ์ตั้งศาล
มีความสำคัญมาก ควรเลือกวันที่ดีและมีความเป็นสิริมงคลเพื่อให้ประสิทธิ์ผลในทางมงคลแก่ผู้อยู่อาศัยในบ้านเรือนนั้นสืบต่อไป วันต่อไปนี้ถือเป็นวันที่เป็นมงคลฤกษ์ แต่ถ้าวันข้างขึ้น หรือข้างแรมดังกล่าวไปตรงกับ วันต้องห้าม ของเดือนใด ให้เลี่ยงไปใช้วันอื่นเสีย
วันข้างขึ้น ๒ ค่ำ, ๔ ค่ำ, ๖ ค่ำ, ๙ ค่ำ, ๑๑ ค่ำ
วันข้างแรม ๒ ค่ำ, ๔ ค่ำ, ๖ ค่ำ, ๙ ค่ำ, ๑๑ ค่ำ
เวลาฤกษ์อันเป็นมงคล
วันอาทิตย์ เวลา ๖.๐๙ น. - ๘.๑๙ น.
วันจันทร์ เวลา ๘.๒๙ น. - ๑๐.๓๙ น.
วันอังคาร เวลา ๖.๓๙ น. - ๘.๐๙ น.
วันพุธ เวลา ๘.๓๙ น. - ๑๐.๑๙ น.
วันพฤหัสบดี เวลา ๑๐.๔๙ น. – ๑๑.๓๙ น.
วันศุกร์ เวลา ๖.๑๙ น. - ๘.๐๙ น.
วันเสาร์ เวลา ๘.๔๙ น. - ๑๐.๔๙ น.

วันต้องห้าม
เดือนอ้าย ( ธันวาคม ) วันต้องห้ามคือ วันพฤหัสบดี และวันเสาร์
เดือนยี่ ( มกราคม ) วันต้องห้ามคือ วันพุธ และวันศุกร์
เดือน ๓ ( กุมภาพันธ์ ) วันต้องห้ามคือ วันอังคาร
เดือน ๔ ( มีนาคม) วันต้องห้ามคือ วันจันทร์
เดือน ๕ ( เมษายน ) วันต้องห้ามคือ วันพฤหัสบดี และวันเสาร์
เดือน ๖ ( พฤษภาคม ) วันต้องห้ามคือ วันพุธ และวันศุกร์
เดือน ๗ (มิถุนายน ) วันต้องห้ามคือ วันอังคาร
เดือน ๘ ( กรกฎาคม) วันต้องห้ามคือ วันจันทร์
เดือน ๙ ( สิงหาคม ) วันต้องห้ามคือ วันพฤหัสบดี และวันเสาร์
เดือน ๑๐ ( กันยายน ) วันต้องห้ามคือ วันพุธ และวันศุกร์
เดือน ๑๑ ( ตุลาคม ) วันต้องห้ามคือ วันอังคาร
เดือน ๑๒ ( พฤศจิกายน ) วันต้องห้ามคือ วันจันทร์

จะสังเกตได้ว่า จะไม่ปรากฏว่ามี วันอาทิตย์ เป็น ข้อห้ามเลย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้ยึดเอาวันอาทิตย์เป็นวันที่ดีที่สุดสำหรับการตั้งศาล เพราะคนโบราณถือกันว่า วันอาทิตย์นั้นแม้จะจะเป็นวันที่มีกำลังแรงดี แต่เป็นวันแรงและวันร้อน ไม่เหมาะที่จะทำการตั้งศาล เพราะบ้านอาจจะร้อนจนปราศจากความร่มเย็นเป็นสุข แต่ ถ้าหากผู้กระทำพิธีมีเคล็ดมีมนตร์แก้ความร้อนของวันได้ ก็สามารถคิดทำการตั้งศาลในวันนี้ได้ตามความ

ความสูงของศาล
ขึ้นอยู่กับ ตัวเจ้าของบ้าน โดยให้ระดับฐานหรือชานชาลาพระภูมิอยู่เหนือระดับปาก (บางตำราว่าอยู่เหนือคิ้วพอดี ) ของผู้เป็นเจ้าของบ้าน ดังนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนเจ้าบ้าน ก็ควรจะตั้งศาลพระภูมิขึ้นใหม่
การใช้ศาลพระภูมิร่วมกัน กรณีที่เป็นหมู่บ้าน, ชุมชนหรือตึกแถว ให้ยึดเอาความสูงจาก เจ้าของผู้สร้างเริ่มแรก หรือหัวหน้าชุมชนนั้นๆ โดยให้เป็นตัวแทนเพื่อมาทำการยกศาลพระภูมิขึ้นเพื่อบอกกล่าวและสักการะ ขอให้ท่านดูแลปกปักษ์รักษาให้คุณ ให้โชคลาภ ความเจริญรุ่งเรืองแก่ผู้อยู่อาศัยทุกคน
 
การปักเสาตั้งศาล
ต้องเตรียมหลุมให้เสร็จก่อนเริ่มพิธี ( ค่อยมีพิธีในวันรุ่งขึ้น ) โดยต้องเตรียมของดังนี้พานครู 1 พาน ใช้สำหรับใส่ข้าว ธูป เทียนขาว ดอกไม้หรือพวงมาลัยสด เหล้า บุหรี่ ผ้าขาว เงิน 6 สลึงหรือ 99 บาท
รายการของมงคลใส่หลุม (ปัจจุบันที่นิยมใช้)
1. เหรียญเงินและเหรียญทอง 9 เหรียญอย่างละ 9 เหรียญ (เหรียญสลึงหรือ 50 สตางค์ก็ได้)
2. ใบเงิน ใบทอง ใบนาค ใบรัก ใบมะยม ใบนางกวัก ใบนางคุ้ม ใบกาหลง อย่างละ 9 ใบ
3. ดอกบานไม่รู้โรย 9 ดอก
4. ดอกพุทธรักษา 9 ดอก
5. ไม้มงคล 9
6. แผ่นเงินทองนาค
7. พลอยนพเก้า
การกลบหลุมนั้นให้ใช้มือกด ห้ามใช้เท้าโดยเด็ดขาด

ผู้ประกอบพิธีกรรมการตั้งศาลพระภูมิ
ควรจะเป็นผู้ที่ปฏิบัติธรรมมีศีลธรรม ทำบุญทำทานประจำ มีความซื่อสัตย์สุจริต ยุติธรรม จะทำให้การตั้งศาลพระภูมิบังเกิดผลดี มีความเจริญรุ่งเรืองแก่เจ้าของบ้าน หรือเจ้าบ้านจะเป็นผู้กระทำพิธีกรรมก็ได้ โดยศึกษาขั้นตอนพิธีกรรมต่างๆ และให้ถือศีลกินเจ 7 วัน ( 3,5,7 วันก็ได้ หรือมากกว่านี้ก็ได้ )

ส่วนประกอบสำคัญของศาลพระภูมิ
เจว็ดศาลพระภูมิ จะเป็นรูปพระภูมิอยู่ในแผ่นคล้ายแผ่นเสมา มือขวาถือพระขรรค์ มือซ้ายถือถุงเงินหรือสมุด(หนังสือ) และการปลุกเสกเจว็ดให้เป็นองค์พระภูมิมีดังนี้ บรรจุธาตุทั้ง 6 คือ บรรจุพระพุทธคุณ, บรรจุพระธรรมคุณ, บรรจุพระสังฆคุณ ตลอดเทวคุณ และวิญญาณธาตุเข้าไปในเจว็ดจากที่เรียกว่า จะเจว็ดเมื่อปลุกเสกแล้วก็จะเรียกว่า "พระภูมิ"

อุปกรณ์ตั้งศาลพระภูมิ
1. เจว็ดพระภูมิ (สำคัญที่สุดในศาล)
2. ตุ๊กตาชาย หญิง ตุ๊กตาช้างม้า (ถือเป็นข้าทาสบริวาร)
3. ละครรำ
4. กระถางธูป
5. แจกัน
6. เชิงเทียน
7. ธูป เทียน ทองคำเปลว
8. น้ำอบ แป้งเจิม น้ำมันหอม
9. ข้าวตอก ถั่ว งา
10. ด้ายสายสิญจน์ 1 ม้วน
11. ผ้าสามสี
12. ผ้าขาว – ผ้าแดง
13. ม่านหน้าศาล
14. ดอกไม้ 7 สี (มาลัย 7 สี)
15. ฉัตรเงิน – ฉัตรทอง
16. โพธิ์เงิน – โพธิ์ทอง
17. โอ่งเงิน - ทอง

เครื่องสังเวยสำหรับตั้งศาล จะประกอบด้วยอาหารคาวหวานดังนี้
1. หัวหมู 1 หัว
2. ไก่ต้ม 1 ตัว
3. เป็ด 1 ตัว
4. ปลานึ่ง 1 ตัว
5. ปู หรือ กุ้ง 1 จาน
6. บายศรีปากชามยอดไข่ 1 คู่
7. น้ำจิ้ม 2 ถ้วย
8. ข้าวสวย 2 ถ้วย
9. เหล้า 1 ขวด
10. น้ำชา 2 ถ้วย
11. น้ำสะอาด 2 แก้ว
12. มะพร้าวอ่อน 1 คู่
13. ขนมต้มแดง 2 จาน
14. ขนมต้มขาว 2 จาน
15. ขนมถั่วงา 2 จาน
16. ขนมถ้วยฟู 2 จาน
17. ขนมหูช้าง 2 จาน
18. เผือก-มันต้ม 2 จาน
19. ฟักทอง 2 ผล
20. แตงไทย 2 ผล
21. ขนุน 2 จาน
22. สับปะรด 2 ผล
23. กล้วย 2 หวี
24. ผลไม้ 5 ชนิด 2 จาน
25. พานหมาก พลู บุหรี่ 1 คู่
**ถ้าขนาดบ้านและศาลพระภูมิเล็ก ก็สามารถใช้สับปะรดเพียง 1 ผลได้แต่จัดแบ่งเป็น 2 จาน *

ผลไม้ที่ห้ามนำถวาย
1. มังคุด
2. ละมุด
3. ระกำ
4. มะเฟือง
5. มะไฟ
6. น้อยโหน่ง
7. น้อยหน่า
8. กระท้อน
9. ลูกท้อ
10. ลูกจาก
11. ลูกพลับ
12. มะขวิด
13. มะตูม
14. พุทรา
15. ลางสาด
คนไทยโบราณมีความเชื่อว่าผลไม้ทั้ง 15 ชนิดนี้เป็นอัปมงคล ไม่ควรนำมาถวายเป็นเครื่องสังเวยหน้าศาลพระภูมิเป็นอันขาด

ขั้นตอนการตั้งศาลพระภูมิ
1. หาพราหมณ์หรือหมอตั้งศาลที่จะทำพิธีเพื่อดูฤกษ์ยาม และทิศทางในการตั้งศาล
2. กำหนดวันที่จะทำพิธีตั้งศาล ส่วนมากมักจะทำพิธีในช่วงเช้า
3. การทำแท่นฐานศาล สำหรับรูปแบบแท่นศาลส่วนมากจะออกแบบให้เหมาะสมกับสถานที่นั้นๆ และจะมีขนาดที่เหมาะสมกับตัวศาลที่ตั้ง
4. เลือกศาลพระภูมิตามแบบและขนาดที่ต้องการ แต่ต้องมีขนาดที่เหมาะสมกับสถานที่ ส่วนสีสามารถเลือกได้ตามที่เจ้าของสถานที่ชอบ แต่ส่วนมากก็มักจะใช้สีตามวันเกิดของสถานที่นั้นๆ
5. ขั้นตอนในวันทำพิธีตั้งศาล เจ้าบ้านตระเตรียมเครื่องสักการะและสังเวยพระภูมิชุดใหญ่ ตั้งบนโต๊ะพิธี
6. ผู้ทำพิธีหรือพราหมณ์จะทำพิธีร่ายคาถาทำน้ำมนต์ไหว้ครู อัญเชิญเทวดาให้มาสิงสถิตที่เจว็ด ก่อนนำเสาศาลมาฝังลงดินเพื่อให้ทำมาค้าขึ้นก้าวหน้าร่ำรวย จะมีการนำน้ำมนต์ธรณีสารมารดบริเวณหลุม ช่วยไล่ภูติผีและสิ่งชั่วร้ายให้หมดไป จึงฝังสิ่งมงคลทั้งหลายลงไปด้วย เช่น ทองคำ เงิน เหล็ก แก้วมณี เป็นต้น รวมทั้งแผ่นทองคำ ซึ่งจารดวงชะตาของเจ้าของบ้าน ดวงชะตาพระภูมิ และยันต์จัตตุโร เจิมด้วยแป้งหอมน้ำมันหอม โรยทับตามด้วยดอกไม้ชื่อเป็นมงคลปนกับเหรียญบาทเหรียญสตางค์
7. โบกปูนปิดทับตั้งเสาศาลคร่อมรอยปูนนี้ ให้ความสูงของปลายเสาอยู่ระดับเพียงตาจึงยกระดับศาลพระภูมิขึ้นบนเสาไม่ให้เอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง ถ้าเป็นสมัยก่อนจะนำเสาของศาลนั้นปักลงหลุมที่ทำพิธี ต่อจากนั้นพราหมณ์อัญเชิญเจว็ดมาสถิตที่ศาล โดยห้ามมิให้เอียงด้านใดด้านหนึ่ง
8. พราหมณ์ผู้ทำพิธีจะมีการเจิมศาลและพรมน้ำอบที่ตัวศาล จากนั้นจึงจัดแจกันดอกไม้ กระถางธูป ข้ารับใช้พระภูมิ ละครรำ ช้างม้า เครื่องเซ่นบูชา พวงมาลัย ผ้าแพรผ้าสีผูกประดับที่เสา บูชาเครื่องเซ่น เป็นอันเสร็จพิธีตั้งศาล
9. หลังจากเสร็จพิธีเจ้าบ้านมักจะเอาเครื่องสังเวยไปแจกคนในบ้านหรือเพื่อนบ้าน ถือเป็นอาหารวิเศษ เชื่อว่ารับประทานแล้วสุขภาพจะแข็งแรง ถ้าหญิงที่ตั้งครรภ์ได้รับประทานไข่บายศรีก็จะทำให้คลอดง่าย เด็กก็จะปลอดภัย
 
Copyright © 2012 Buachatrsangkapan. All Rights reserved. | Tel. 081 890 8801 , 02 222 4301 | Email : buachatr@hotmail.com, buachatr.anu@gmail.com